“บิ๊นท์ สิรีธร – แพรว แพรววณิชยฐ์” พลังเสียงผู้หญิงเปลี่ยนโลกที่แท้จริง

“บิ๊นท์ สิรีธร – แพรว แพรววณิชยฐ์” พลังเสียงผู้หญิงเปลี่ยนโลกที่แท้จริง

“บิ๊นท์ สิรีธร – แพรว แพรววณิชยฐ์” แชร์พลังเสียงผู้หญิงเปลี่ยนแปลงโลก ร่ำไห้ไม่แฟร์สงคราม คนที่ทำเป็นระดับชั้นบริหาร แต่คนที่โดนคือประชาชน

ในยุคที่ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกมิติของสังคม “บิ๊นท์-สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์” นางสาวไทย 2562 และมิสอินเตอร์เนชั่นแนล 2019-2021พร้อมด้วย “แพรว -แพรววณิชยฐ์ เรืองทอง” รองอับดับหนึ่ง มิสซูปราเนชันแนล 2022 และ มิสยูนิเวิร์สกรุงเทพมหานคร 2025 ได้ร่วมกันตอกย้ำถึง “พลังเสียงของผู้หญิง” ที่สามารถขับเคลื่อนและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง บนเวที “Praew Talk 2025: The Empowering Conversation” ที่จัดขึ้นโดยนิตยสารแพรว โดย AME IMAGINATIVE ในเครืออมรินทร์กรุ๊ป ณ ชั้น 1 Eden centralwOrld ซึ่งทั้งสองนางงามได้แบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า ตั้งแต่เส้นทางสู่มงกุฎ การเผชิญหน้ากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไปจนถึงการใช้เวทีอันทรงเกียรติเป็นกระบอกเสียงเพื่อสังคมและโลก

พอเราได้ไปเวทีสากลระดับโลกมาแล้ว เราเติบโตแข็งแกร่งขึ้นไหมจากการได้ไปเผชิญเวทีระดับโลก?
แพรว : การได้ไปประกวดในเวทีระดับสากล นอกจากที่เราได้มีเพื่อนต่างชาติเยอะขึ้นแล้ว เรายังได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆ ของการประกวดในระดับเวทีนานาชาติ ที่มากกว่านั้นคือเรารู้สึกว่าการได้ไปอยู่ตรงนั้น ในฐานะผู้ชนะโปรเจกต์ เราได้ส่งสารให้คนทั้งโลกได้รู้ แพรวคิดว่ามันเป็นพลังที่ดีมากๆ ที่เราได้มาเป็นนางงาม เราไม่ใช่แค่สวย แต่เราสามารถทำหรือพูดอะไรเพื่อสังคมและโลกได้ พอเรากลับมา เราก็ได้เอาสิ่งเหล่านั้นที่เราได้ไปเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับคนอื่นในระดับนานาชาติ การดูแลตัวเองในมุมต่างๆ รวมถึงประมวลประสบการณ์ความรู้ในสิ่งที่เราได้รับ ส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ติดตามเรา ให้เขาได้รู้สึกอะไรบางอย่าง

บิ๊นท์ : “พอโลกเรามันเปิดกว้างเราจะรู้ว่าบางอย่างที่เราเคยกลัว เคยเชื่อ มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เราไม่ต้องกลัวก็ได้ สิ่งที่บิ๊นท์รู้สึกหลังจากไปเวทีระดับโลกมาคือเสียงเรามีความหมายเสมอ ตัวบิ๊นท์เองเป็นคนธรรมดาจริงๆ เรียนเภสัชมาแต่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าใคร มีเภสัชที่เก่งกว่าเรามากมาย แต่วันที่บิ๊นท์ได้ตำแหน่งนางสาวไทย กลับกลายเป็นเสียงของเรามีความหมาย ที่ได้ตำแหน่งมาบิ๊นท์ไม่ได้เพราะว่าเดินสวย แต่บิ๊นท์ได้จากการแสดงความคิดเห็น มันทำให้บิ๊นท์มั่นใจว่าเสียงเราดัง ก่อนหน้านี้เราอาจจะเป็นคนที่พูดแล้วไม่มีใครฟัง แต่การอยู่บนเวทีนางงามเราส่งเสียงได้ เสียงเรามีความหมาย มีคุณค่า และบิ๊นท์เองก็ได้เรียนรู้ว่าจะต้องระวังในการใช้เสียงด้วย มันทำให้บิ๊นท์รู้สึกว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราอยากส่งต่อให้กับทุกคน ทุกคนอาจจะไม่ได้เป็นนางงาม แต่ทุกคนสามารถเอาไปทำเป็นทางเลือก ทางเดินของตัวเอง และเสียงทุกคนมีความหมาย ไม่ว่าในที่ทำงานเราจะเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยแค่ไหน ให้มั่นใจและยึดมั่นในคุณค่าของเสียงตัวเอง ตราบใดที่เสียงของเราถูกสะท้อนไป ซึ่งมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม เรามีสิทธิ์ที่จะพูดออกไปค่ะ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเสียงเรามันอาจจะไปอิมแพคกับใครสักคน แค่เพียง 1 คน มันก็มีประโยชน์กับโลกใบนี้แล้ว ฉะนั้นการได้ไประดับโลกของบิ๊นท์ มันกลายเป็นความธรรมดาที่พิเศษจังเลย อย่างน้อยบิ๊นท์เคยได้ไปยืนพูดต่อหน้าคนทั้งโลก และทุกคนได้ยินเสียงของบิ๊นท์ มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษและบิ๊นท์อยากให้ทุกคนรู้สึกพิเศษกับเสียงในชีวิตของตัวเองมากๆ และโลกเรามันจะสร้างสรรค์มากๆ เพราะเรากล้าที่จะพูดสิ่งที่มันเกิดจากใจเรา ที่ผ่านการเติบโตแตกต่างกันมา แล้วเราต้องรับผิดชอบคำพูดของเราด้วยนะคะ”

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จ อะไรคือพลังของผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในยุคนี้?
แพรว : “พลังของผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่คือความกล้าที่จะเป็นตัวเอง กล้าที่จะพูด กล้าที่จะคิด อย่างนางงามเราต้องคิดว่าเราจะใช้เสียงของเราขับเคลื่อนสังคมอย่างไรให้มันเกิดขึ้นจริงได้ เราไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว เรามีพลังที่สามารถขับเคลื่อนสังคมให้น่าอยู่ขึ้นได้”

บิ๊นท์ : “คุณค่าของผู้หญิงในยุคนี้ คือความเท่าเทียม สมัยก่อนผู้หญิงจะรู้สึกว่าเราเป็นช้างเท้าหน้าไม่ได้หรอก แต่ในยุคนี้ผู้หญิงมีสิทธิ์มีเสียงที่จะเป็นช้างเท้าหน้าได้ในสักทางหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเราจะต้องชนะสามี แต่ในทางการทำงานเราสามารถเป็นผู้นำในสิ่งที่เรามีแพสชั่นกับมันได้ อยากให้ผู้หญิงยุคนี้รู้ว่าเราสามารถเป็นหัวหน้าคนได้ ถ้าเรามีความสามารถมากพอ มันไม่เกี่ยวกับเพศเท่านั้น เพียงแต่เราต้องรู้ว่าเรามีคุณค่ามากพอที่จะทำอะไรทุกอย่างได้ความเท่าเทียมกับคนอื่นที่เคยทำมาบนโลกนี้แล้ว”

ประสบการณ์ที่ผ่านมามีสิ่งไหนที่เราอยากจะปลดล็อกกรอบความคิดของคนทั่วไปที่มีต่อวงการนางงาม?
บิ๊นท์ : “จริงๆ มันก็ปลดล็อกไปได้เยอะแล้ว แต่มันก็ยังมีติดอยู่ คือ ความเชื่อที่ว่านางงามจะต้องเพอร์เฟกต์ แต่ยุคนี้ก็ดีมากๆ แล้วที่นางงามที่ความหลากหลายและทุกคนก็เปิดใจ แต่ก็ยังมีติดอยู่ เช่น นางงามทำไมแต่งหน้าไม่เป๊ะ ผมไม่จึ้งพอประกบกับอีกคนแล้วดร็อปมาก มันจะมีอะไรแบบนี้ มันกลายเป็นทำให้เราต้องแข่ง ก็อยากให้ทุกคนเปิดใจขึ้นอีกนิดหนึ่ง นางงามคนนี้รูปลักษณ์อาจจะไม่ถูกใจเรา แต่เขามีอย่างอื่นที่น่าสนใจหรือเปล่า มันสามารถซัพพอร์ตโลกเราให้ดีขึ้นได้”

แพรว : “เห็นด้วยกับบิ๊นท์ มันมีเรื่องของคนนี้ประกบคนนั้นแล้วไม่สวย ดร็อปจัง มันมีการเปรียบเทียบกันเยอะมาก เราอยากให้ทุกคนเปิดใจ เราอยากให้ทุกคนมองเห็นความสวยของแต่ละคน และอยากให้เปิดใจมองเห็นความสามารถในด้านอื่นๆของนางงามประกอบด้วย บางทีทุกคนเห็นแค่ภาพนิ่ง แต่กลับตัดสินพวกเราไปแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เห็นอย่างอื่นของเราเลยว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่อยากจะพูดว่าสวยไม่เท่ากัน แต่ทุกคนมีความสวยเป็นของตัวเอง ทุกคนมีจุดเด่นหรือเสน่ห์บางอย่าง ก็อยากให้ทุกคนเปิดใจ ค่อยๆศึกษาแต่ละคนไปแล้วค่อยตัดสินว่าคุณเลือกจะเชียร์คนไหน ไม่อยากให้คนเอานางงามมาเปรียบเทียบกัน หาข้อด้อยเพื่อจะไปซัพพอร์ตคนที่ตัวเองรัก อันนี้มองว่าไม่แฟร์ มันท้อ และมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แพรวอยากให้ความท็อกซิกตรงนี้มันหายไป อยากให้ทุกคนซัพพอร์ตนางงามกันแบบโพสิทีฟดีกว่า ยกตัวอย่าง อยากจะเข้าไปคอมเมนต์ใครว่าสวย ก็ชมเขาไป ถ้ารู้สึกไม่สวยก็เลื่อนผ่าน แม้จะไม่ได้รับคำชมแต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครด่า”

เป็นนางงามที่เสพคอมเมนต์?
แพรว : “แพรวเลือกเสพคอมเมนต์นะคะ เพื่อเซฟความรู้สึกตัวเอง“

บิ๊นท์ : “เหมือนแพรว ถ้าเป็นเรื่องตัวเองไม่เสพดีกว่า จะเสพคอมเมนต์ที่เราเอามาพัฒนาได้เราจะแฮปปี้มากๆ เรายอมรับคำติ ไม่ดีตรงนั้นตรงนี้ได้ แต่บางทีมันก็มีคำบูลลี่ที่เอามาพัฒนาตัวเองไม่ได้ มันไม่มีประโยชน์กับจิตใจเรา ก็เลยเลือกที่จะไม่ดูดีกว่า บิ๊นท์เองก็เคยเสียน้ำตากับเรื่องแบบนี้ วันแรกที่เสียน้ำตาเลยคือวันที่ได้เป็นนางสาวไทย เราคิดว่าคนอื่นดีใจกับเราแน่เลย แต่ออกไปสัมภาษณ์คนฮือ เราก็ยังนึกว่าเสียงเชียร์ แต่ความจริงคือเขาโห่ไล่เรา อยากให้อีกคนหนึ่งได้
พอเรากลับไปอยู่ที่ห้องคนเดียว บรรยากาศหรูหรามาก นอนแช่น้ำในห้อง เราก็เปิดโซเชียลคิดว่ามีคนยินดีกับเราแน่ๆ เลย พี่ๆ แฟนนางงามสะบัดเลย บิ๊นท์ในตอนนั้นมันคือสุดๆ จำได้ว่านั่งร้องไห้มาสคาร่าเลอะเต็มหน้า แต่โชคดีที่เราเป็นคนที่ทิ้งความทุกข์ได้เร็ว เขาด่าเราได้ แต่เราก็ต้องพัฒนาตัวเอง เขาก็ด่าเราได้น้อยลง ก็คิดในแง่บวกต่อไป ก็ร้องไห้อยู่คืนเดียวแต่เป็นการนอนร้องไห้ที่ฉ่ำมาก การที่ปล่อยสุดมันก็ช่วยให้เราผ่านเรื่องราวแย่ๆ ไปได้ ทำให้เราแข็งแกร่ง”

อยากจะแชร์อะไรกับคนที่ไม่มั่นใจในศักยภาพของตัวเองว่าเรามีดีเพียงพอไหม?
แพรว : “แพรวจะจำคำสอนของป้าตอนที่แพรวเด็กๆ แกบอกแพรวว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเรายังไม่เคยลองทำ อย่ากลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ถ้ากลัวที่จะผิดพลาด อย่ากลัวที่จะล้มเหลว สิ่งเหล่านั้นนอกจากจะไม่ทำให้เราเสียเวลาไปทำอะไรที่ไม่ใช่ทางของเราไปเรื่อยๆ มันทำให้เราเรียนรู้และค้นหาเวย์ตัวเองต่อไปเรื่อยๆ นี่คือสิ่งที่แพรวใช้ในการดำเนินชีวิตมาโดยตลอด แพรวจะบอกกับทุกคนเลยว่าแพรวไม่ชอบเต้น และแพรวก็เต้นไม่เป็น หลังๆ แพรวรู้สึกว่าถ้าเราไม่ลองบ้างเราก็ไม่รู้หรอก แพรวอาจจะเต้นได้นะแต่จะดูได้หรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เอาเถอะเราลองทำไปก่อน แต่มันเป็นทักษะที่อย่างน้อยๆ ลองทำไปก่อน มันเหมือนกับการได้ลองค้นหาตัวเอง ถ้าเราไม่ลองทำสิ่งที่มันอยู่ตรงหน้า สิ่งที่เราอยากลอง เราจะมัวแต่คิด บางทีใครจะคิดว่าสิ่งที่เรามองว่าเราทำมันไม่ได้มันอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่บนโลกใบนี้ก็ได้ ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะผิดพลาด ผิดเป็นครูค่ะ ถ้าไม่ใช่จะได้ไม่เสียเวลา แต่ถ้ามันใช่เราก็พัฒนาให้ดีขึ้น”

บิ๊นท์ : Key Success ของบิ๊นท์ คืออย่าเริ่มตอนที่เราพร้อม เพราะวันนั้นจะไม่มาถึง แต่ให้เริ่มในวันที่ใจเราพร้อม อย่างอื่นไม่พร้อมเดี๋ยวเราค่อยๆ แก้ปัญหาระหว่างทางเอาได้ เพราะการแก้ปัญหาในระหว่างทางจะทำให้เราโตขึ้นและเราพร้อมจะแก้ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในวันต่อไป เมื่อก่อนบิ๊นท์ก็เป็นคนหนึ่งที่เป๊ะกับการทำงาน แต่บางทีเราต้องตัดตรงนั้นไปเพราะมันปวดหัว แล้วเวลาไปเจอปัญหาอะไรเราจะรู้ด้วยตัวเราเองว่าอันนี้ไม่ใช่ทางของเรา แต่อย่างน้อยเราได้ลองลงไปเดินในความฝัน 50% คือเราสำเร็จแล้วนะคะ อีก 50% เราอาจจะไม่สำเร็จ แต่ถ้าเราไม่เริ่มลงไปเดินในความฝันเลย 100% ไม่สำเร็จ”

แพรว : คือคนติดคิดเยอะ แพรวเองก็เป็นเพราะเราเป็นพวก Perfectionist คิดแล้วคิดอีก 3 เดือนก็แล้ว 5 เดือนก็แล้ว สุดท้ายไม่ได้ทำสักที แล้วเราก็ได้เรียนรู้ว่าถ้าเราไม่เริ่มทำ = ไม่มีอะไรเลย จะดีไม่ดี ทำไปก่อน ถ้าทำแล้วชอบ เราจะได้หาหนทางเพื่อไปต่อ ถ้าทำแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ เราก็เลิกแล้วไปหาอย่างอื่นทำต่อ ลองไปก่อนค่ะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่า วันหนึ่งเราอาจจะกลายเป็น Superstar เบอร์ 1 ของประเทศก็ได้

สำหรับงานนี้ Praew Talk ให้ทุนการศึกษากับเด็กๆ ในฐานะที่เราเองก็เคยได้รับโอกาสทุนการศึกษาและประสบความสำเร็จ เรามองว่าพลังของการศึกษาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กๆ ได้อย่างไรบ้าง?
บิ๊นท์ : Praew Talk ให้ทุนการศึกษากับเด็กๆ ในฐานะที่เราเองก็เคยได้รับโอกาสทุนการศึกษาและประสบความสำเร็จ บิ๊นท์มองว่า ตัวบิ๊นท์มองว่าตัวเองเป็นผลลัพธ์ทางการศึกษา การศึกษาทำให้รู้โอกาสเกิดขึ้นได้ที่ไหนบ้าง เราจะคว้าโอกาสตรงไหนได้บ้าง บางทีหากเราไม่ได้รับการศึกษา มีแต่คนบอกว่าเราต้องให้โอกาสเขา แต่เขาไม่รู้ว่านี่คือโอกาส นี่คือเรื่องสำคัญ แต่การศึกษาจะทำให้เรารู้ว่ามีโอกาสอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ ไปสิ การศึกษาสามารถขยายพื้นที่ของโอกาสที่เขาจะได้เห็นมันมากขึ้น การศึกษาจะไม่มีประโยชน์เลยหากไม่รู้คุณค่าของโอกาสนั้น แต่หากเด็กเรามีการศึกษาเขาจะรู้คุณค่าของโอกาส ทุกบาททุกสตางค์หรือทุกอย่างที่ได้รับมา ที่บิ๊นท์โตมา บิ๊นท์ได้รู้จักกับการลงลึกมาก เราได้เจออุปสรรค เราได้ก้าวผ่านและเราได้เห็นว่าตรงนี้คือโอกาส แม้ว่ามันจะในอุปสรรคก็ตาม แต่เราก็ได้รู้”

แพรว : “การให้การศึกษามันคือการให้โอกาสกับทุกชีวิต โดยเฉพาะเด็กในยุคสมัยนี้ ทุกวันนี้เราอาจจะไม่ได้พูดกันแค่เพียงการศึกษาอย่างเดียว มากกว่านั้นหากเราให้การสนับสนุนกับวิชาชีพต่างๆ ด้วย อย่างน้อยๆ ให้เขามีความรู้ที่เป็นพื้นฐานอาชีพติดตัวไว้ เผื่อวันหนึ่งมันอาจจะกลายเป็นพื้นฐานหาเลี้ยงชีพเขาได้ มากกว่านั้นคือมันได้มีประสบการณ์การใช้ชีวิต เวลาเราได้ออกนอกบ้าน แพรวมองว่าประสบการณ์อะไรก็ไม่เท่ากับประสบการณ์ชีวิตตัวเอง เราไม่สามารถทำตามคนอื่นได้ตลอดเวลา หรือไม่สามารถเรียนตามไกด์ไลน์ในหนังสือได้ มันจะต้องมีการออกไปค้นพบ ออกไปฝ่าฟัน ไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองเพื่อจะทำให้เราเติบโตขึ้น เป็นเราที่แกร่งขึ้น เพื่อจะได้ไปคว้าโอกาสต่อไปในอนาคตได้ ทั้งหมดทั้งมวลถ้าเราได้โอกาสเรียนรู้จากการศึกษาก่อน การศึกษาจะเป็นตัวปกป้องเราให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ไปตลอดชีวิต”

ฝากถึงคนไทยทั้งประเทศที่กำลังเผชิญเรื่องราวปัญหารอบด้าน?
แพรว : “เรื่องที่เรากำลังเจอกันอยู่มันเป็นเรื่องที่หนักพอสมควร แพรวก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวอีสานรวมไปถึงในส่วนที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมอยู่ และขอแสดงความเสียใจกับทุกครอบครัวที่สูญเสียคนในครอบครัวไปจากเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ ก็ขอส่งกำลังใจให้ทุกคน ขอให้พวกเราทุกคนผ่านเรื่องราวที่ไม่ดีเหล่านี้ไปได้ในเร็ววัน ถ้ามีอะไรที่แพรวสามารถช่วยได้แพรวยินดี สัญญาว่าจะช่วยเป็นกระบอกเสียงอย่างแน่นอน”

บิ๊นท์ : อยากส่งกำลังใจให้ทุกภาคส่วนที่กำลังปกป้องแผ่นดินเพื่อให้เราได้อยู่ สิ่งที่บิ๊นท์ค่อนข้างสะเทือนใจ (ร้องไห้) คือ คนในโรงพยาบาล เด็ก คนแก่เขาก็อยู่ของเขาเฉยๆ บางคนไม่มีแม้แต่รถจะหลบออกมาด้วยซ้ำ สิ่งนี้มันไม่ควรจะต้องมาเกิดกับประเทศเรา แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือให้กำลังใจคนทำงานที่กำลังทำอยู่ไม่ว่าจะเป็นในภาคส่วนไหนก็ตาม บิ๊นท์ไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ บิ๊นท์ไม่สนับสนุนให้เราต้องไปโจมตีใคร บิ๊นท์อยากให้ทุกอย่างยุติ เพราะ 1 ชีวิตไม่ว่าจะเป็นชีวิตของคนประเทศไหน มันก็มีคุณค่าทั้งนั้น คนที่กระทำกันเป็นคนระดับชั้นผู้บริหาร แต่คนที่โดนกลับเป็นประชาชน มันไม่แฟร์กับประชาชนในทุกประเทศที่โดนจริงๆ บิ๊นท์ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมด้วย เรื่องนี้จริงๆ แล้วสำคัญแต่ถูกกลบไป ก็เป็นกำลังใจให้พี่น้องภาคเหนือนะคะ